เบาหวานขึ้นตา

เนื่องจากประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ดังนั้นโรคหรือความเสื่อมต่างๆที่เกิดจากภาวะสูงอายุจึงพบได้มากขึ้นและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย รวมถึงบุคคลรอบข้าง หนึ่งในโรคที่พบบ่อยนั้นคือ เบาหวาน จากการสำรวจขององค์การInternational Diabetes Federation หรือ IDF พบว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกถึง 463 ล้านคน เเละมีเเนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดการณ์ว่าในอีก26ปีข้างหน้า จะมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานทั่วโลกประมาณ 700 ล้านคน ซึ่งประเทศไทยเองเบาหวานถือเป็นโรคยอดนิยมอันดับต้นๆเช่นกัน ซึ่งเบาหวานมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิดหลักๆ คือ

ชนิดที่ 1 คือชนิดที่เกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซุลิน โดยชนิดนี้นั้นมักพบในคนอายุน้อยๆ(ส่วนใหญ่น้อยกว่า 30 ปี) มักมีอาการเเสดงให้เห็นตั้งเเต่เริ่มเป็น ได้เเก่ น้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น

ชนิดที่ 2 คือชนิดที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซุลิน ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ ตั้งเเต่ประมาณ 40 ปี ขึ้นไป ผู้ป่วยส่วนมากจะไม่มีอาการจนกระทั่งโรคดำเนินไปมากเเล้ว

ชนิดที่ 3 คือ ชนิดที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากในระหว่างตั้งครรภ์ ผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนเเปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายมาก โดยเฉพาะฮอร์โมนจากรกซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านการทำงานของอินซุลิน ทั้งนี้ภาวะเบาหวานดังกล่าวมักจะหายได้เองหลังจากคลอดบุตร

จากที่กล่าวมาจะพบว่าเบาหวานนั้นเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย เเละที่สำคัญคือหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม จะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย ได้เเก่ ตา ไต หัวใจ ระบบประสาท ไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกัน

"ตา" ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อชีวิตประจำวัน เเละยังมีผลต่อพัฒนาการของคนเรามาตั้งเเต่เด็กๆ เเต่เมื่อพบว่าป่วยเป็นเบาหวานเเล้ว อวัยวะหนึ่งที่มักโดนผลกระทบก็คือ "ตา" หรือที่เรียกกันติดปากว่า "เบาหวานขึ้นตา" นั่นเอง โดยพบว่าหากเป็นเบาหวานเเละไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลา 20 ปี จะมีภาวะเบาหวานขึ้นตาถึง 99% ในเบาหวานชนิดที่ 1 เเละ 60%ในเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เยอะมาก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ช่วยซ้ำเติมให้ภาวะเบาหวานขึ้นตานั้นเป็นเร็วเเละรุนเเรงมากขึ้น ได้เเก่ ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ การควบคุมโรคประจำตัวอื่นๆไม่ได้ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคโลหิตจาง เป็นต้น

อาการของโรคเบาหวานขึ้นตา พบได้ทุกรูปเเบบ ได้เเก่ ไม่มีอาการ(การมองเห็นปกติ) ตามัว เห็นภาพบิดเบี้ยว มีม่านดำบดบังการมองเห็น ปวดตา เลือดออกในตา ไปจนถึงตาบอด(มองไม่เห็นเเสง) ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความรุนเเรงเเละบริเวณของรอยโรคว่าอยู่ที่ตำเเหน่งใด จากสถิติพบว่าเบาหวานนั้นทำให้คนตาบอดมากเป็นอันดับ 5 ของโลก ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการพัฒนาของเทคโนโลยีที่มากขึ้น ทำให้ภาวะเบาหวานขึ้นตาบางอย่างสามารถรักษาได้ ซึ่งมีหลายรูปเเบบ ได้เเก่ การยิงเลเซอร์บริเวณขอบจอประสาทตา เลเซอร์บริเวณเส้นเลือดผิดปกติเพื่อลดการรั่วของสารน้ำซึ่งทำให้เกิดจุดรับภาพชัดจอตาบวม ฉีดยาเข้าวุ้นตาเพื่อลดเส้นเลือดผิดปกติ ส่งผลให้ลดการบวมของจุดรับภาพชัดจอตาเเละลดเลือดออกในวุ้นตา เเละหากโรคเป็นรุนเเรงถึงขั้นมีพังผืดดึงรั้งจนจอประสาทตาหลุดลอก ก็มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดวุ้นตาเเละจอประสาทตา เเต่ไม่ว่าจะมีวิธีการรักษาที่ก้าวหน้าเพียงใด หากปล่อยให้ภาวะเบาหวานขึ้นตาเป็นรุนเเรง บางครั้งเเม้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ก็ไม่อาจทำให้การมองเห็นกลับคืนมาดังเดิมได้ ดังนั้นสิ่งทำสำคัญที่สุดสำหรับภาวะเบาหวานขึ้นตา “ไม่ใช่การรักษา หากเเต่เป็นการป้องกัน” ซึ่งทำได้ง่ายๆดังนี้

  1. ควบคุมโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะการควบคุมระดับนำ้ตาลในเลือด น้ำตาลสะสม(HbA1C)ไม่ควรเกิน 7% เเละน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหาร8ชั่วโมงไม่ควรเกิน 128 mg/dl หมั่นติดตามการรักษากับเเพทย์อยู่เสมอ เเละที่สำคัญ "ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด"
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา
  3. ตรวจตากับจักษุเเพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นตา เนื่องจากหากพบว่าเป็นเบาหวานขึ้นตาตั้งเเต่ระยะที่โรคยังไม่ดำเนินไปมาก จะส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น เเละลดโอกาสที่จะสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้